top of page

ความรุ่มรวยวัฒนธรรมของเมือง สามารถถ่ายทอดผ่านการสร้างพื้นที่เรียนรู้สาธารณะได้หลายรูปแบบ สังคมที่ตระหนักและตื่นตัวในการใช้สุนทรียศาสตร์มาเป็นเครื่องมือปลูกฝังและเพิ่มคุณค่าในผลิตภาพ ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิต จึงถือเป็นอีกหนึ่งกระบวนการในการพัฒนาเชิงสังคม

ปัจจัยชีวิตในการมีส่วนร่วม (Public Engagement) ที่ดึงดูดประชาชนเข้ามามีโอกาสเรียนรู้ เข้าถึง เปิดรับประสบการณ์ทั้งในบทบาทของผู้แสดง (ศิลปิน) และผู้ชมผลงาน สังเกตได้จากการส่งเสริมให้มีพื้นที่เพื่อการเรียนรู้ พื้นที่เพื่อการแสดงออกทางศิลปะ อาทิ โรงละคร ลานวัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ ห้องสมุด แกลเลอรี่ สวนสาธารณะ หรืออาจจะเป็นการเปิดพื้นที่ของภาคเอกชนในการเผยแพร่จัดแสดง นับว่าเป็นพื้นที่ให้เกิดการเรียนรู้ในสังคมได้ จนอาจตั้งข้อสังเกตได้ว่าเมืองที่พัฒนาสู่อารยะ จะต้องมีพื้นที่เชิงวัฒนธรรมเช่นนี้  เป็นองค์ประกอบแวดล้อมที่ขาดไม่ได้

สถานที่หนึ่งที่เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นสถานที่เรียนรู้เปิดประสบการณ์ทัศนศิลป์ระดับโลกสู่ผู้คน นั่น  ก็คือ Garden of Fine Arts พิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางแจ้ง บนถนนคิตะยามะ (Kitayama Street) เป็นผลงาน    การออกแบบของสถาปนิกชื่อดังระดับโลกชาวญี่ปุ่น Tadao Ando พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ออกแบบโดยใช้คอนกรีตเปลือย ซึ่งเป็นสไตล์การออกแบบของ Ando ที่มุ่งเน้นความเรียบง่าย สงบ เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ สวนศิลปะแห่งนี้ Ando ได้ออกแบบทางเดินเป็นทางลาดเอียง และเล่นระดับพื้นลงไปเรื่อย ๆ จนถึงพื้นที่ด้านล่างสุด ระดับความลึกลงไปเท่ากับตึก 3 ชั้น ทำให้ผนังคอนกรีตไม่บดบังทัศนียภาพอันสวยงามของเมือง และเราสามารถดื่มด่ำความงามของภาพแต่ละชิ้นที่จัดแสดงได้ในทุกมุม

งานศิลปะที่จัดแสดงภายในสวนแห่งนี้ เป็นการนำภาพวาดระดับมาสเตอร์พีซโดยศิลปินระดับโลกทั้งชาวตะวันตก  และตะวันออก มาคัดลอกลงบนแผ่นเซรามิก ที่สามารถทนแดด ทนฝนได้ เริ่มต้นด้วยงาน Water Lilies ของ Claude Monet บนแผ่นเซรามิกใต้น้ำ บริเวณด้านหน้าทางเข้าสวน ตามด้วยภาพเขียนโบราณแบบจีนและญี่ปุ่นบนผนังปูนเปลือย และหากเดินตามทางที่ค่อย ๆ ลาดลงไป จะพบกับภาพ The Last Supper ของ Leonardo da Vinci ที่จัดแสดงอยู่บนแท่นคอนกรีตใต้น้ำ มีการวางระยะให้ผู้ชมสามารถเห็นได้จากภายนอก และเมื่อเราเดินไปจนสุดทางชั้นล่าง จะพบภาพ Fresco ขนาดใหญ่ The Last Judgement ของ Michelangelo บนกำแพงคอนกรีตที่มีความสูงร่วม 14 เมตร มีผนังน้ำตกโดยรอบ และก่อนที่จะออกจากสวนแห่งนี้ หากเราเดินกลับไปตามทางเดินลาดยาว จะพบผลงานอีก 3 ชิ้นบนผนังคอนกรีต ‘Road with Cypresses and Star’ โดย Vincent  Van Gogh ‘On the Terrace’ โดย Pierre-Auguste Renoir และ ‘Sunday Afternoon on the Island of La Grande Jatte’ โดย George Seurat 
คงต้องใช้เวลาสักครึ่งวันในการชมคุณค่าความงามของผลงานศิลปินระดับโลกที่คัดลอกลงบนแผ่นเซรามิกขนาดใหญ่ที่ติดตั้งจัดแสดงไว้ในแต่ละมุมของแกเลอรี่กลางแจ้งแห่งนี้ ซึ่งถือเป็นพื้นที่เชิงวัฒนธรรมอันมีค่าที่ควรจะนำมาเป็นแรงบันดาลใจให้หน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนของไทย จัดทำเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ และเป็นการเสริมคุณค่าทางทัศนศิลป์ให้ประชาชน

การเดินทางไปชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งนี้ สามารถนั่งรถไฟใต้ดินสาย Karasuma Line จากสถานีเกียวโต (Kyoto Station) ใช้เวลาประมาณ 16 นาที ลงสถานีคิตะยามะ (Kitayama Station) ทางออก 3 และเดินประมาณ 1 นาที 

ค่าเข้าชม 100 เยน

IMG_1374.jpg

บริเวณด้านหน้าทางเข้า Garden of Fine Arts

IMG_3571.jpg

ภาพ Water Lilies ของ Claude Monet

IMG_3573.jpg

ทางลาดเอียงที่ค่อย ๆ เล่นระดับไปจนถึงพื้นที่ชั้นล่าง

IMG_3581.jpg

ภาพศิลปะญี่ปุ่น

IMG_0129.jpg

ภาพ The Last Supper โดย Leonardo da Vinci

IMG_2434.jpg
IMG_1348.jpg

ภาพ The Last Judgement โดย Michelangelo

IMG_1320.jpg

ภาพ Road with Cypresses and Star โดย Vincent Van Gogh

IMG_2435.jpg

ภาพ Sunday Afternoon on the Island of La Grande Jatte โดย George Seurat

ภาพ On the Terrace โดย Pierre-Auguste Renoir

bottom of page